ทำไมรถยนต์ไฟฟ้ามือสองถึงราคาตก? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในใจของผู้ที่กำลังเล็งรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง หรือแม้กระทั่งคนที่เพิ่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงก็อดสงสัยไม่ได้ สาเหตุที่ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้ามือสองร่วงลงอย่างรวดเร็วนั้นมีหลายปัจจัยที่ซับซ้อนกว่าที่เราคิด

ประการแรก เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดถือเป็นตัวแปรสำคัญ แบตเตอรี่รุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาทุกปี มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ระยะทางที่วิ่งได้ไกลขึ้น และอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเก่าดู “ล้าสมัย” ไปโดยปริยาย ส่งผลให้ผู้บริโภคอยากได้รุ่นใหม่มากกว่า และทำให้ราคามือสองของรุ่นเก่าตกลง

นอกจากนี้ ราคารถยนต์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องก็มีผลกระทบอย่างมากเช่นกัน ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายต่างแข่งขันกันลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า ทำให้ช่องว่างระหว่างราคารถใหม่และรถมือสองแคบลง ผู้บริโภคจึงตัดสินใจซื้อรถใหม่ไปเลยดีกว่า เพราะได้เทคโนโลยีที่ใหม่กว่า และความสบายใจในเรื่องของการรับประกัน

ความกังวลเกี่ยวกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้ซื้อมือสองคิดหนัก แม้ว่าผู้ผลิตจะรับประกันแบตเตอรี่เป็นเวลาหลายปี แต่ความเสื่อมของแบตเตอรี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นมีราคาสูง ทำให้ผู้ซื้อมือสองต้องชั่งใจอย่างละเอียด

โครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรค แม้ว่าจำนวนสถานีชาร์จจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่สะดวกสบายเท่ากับการเติมน้ำมัน ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนยังลังเลที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง เพราะกลัวความไม่สะดวกในการชาร์จ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีแบตเตอรี่มีความเสถียรมากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จครอบคลุมทั่วถึง และผู้บริโภคมีความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสองอาจเติบโตและมีเสถียรภาพมากขึ้นในที่สุด

source เครดิตคลิปต้นฉบับ

คลิปมาแรง
เพลงมาแรง เกมมาแรง
กีฬามาแรง
ข่าวมาแรง
ตลกมาแรง
ยานยนต์มาแรง
โลกของสัตว์มาแรง

30 thoughts on “The reason why EV cars have no resell value

  1. @JTtanawatno1 says:

    ส่วนตัวยังทนใช้ขนส่งเพราะอยากเก็บเงินไว้ลงทุนต่อ การทีรถในกทมอาจจะยังไม่จำเป็นเป็นสำหรับผม

  2. @gootinni says:

    What if buying an EV resulted in increased cash flow, will this still consider as debt?

    When I drove a fuel car, I paid for gas 12k baht a month, then I have changed to EV and now I only pay for the lease about 8k baht a month. So on the bottomline, I have an extra monthly cashflow of 4000 baht.

    Is that debt?

  3. @rrmrr48 says:

    ง่ายๆเลย ชาร์จทีไม่เกินครึ่งชั่วโมง ขับได้ 1,000กม. ขับความเร็วเฉลี่ยสัก 100 กม./ชม. นั่นแหละควรซื้อ

  4. @tokgocupai1145 says:

    มันถูกของเค้า แต่เหตุผลก็เหมาะใช้กับบางกลุ่ม ส่วนแต่ละกลุ่มก็มีเหตุผลของตัวเอง ไม่ได้น่ารู้สึกอะไรกับคำพูดเค้า

  5. @nantawatphetnamthongwattan2167 says:

    มองในแง่percentage มันใช่นะ ราคาขายต่อ อาจเหลือแค่ 20% (ค่าอะไฟล่ค่าซาก)
    แต่ ถ้าเติ่มที่ 1 ล้าน 20% ก็ 2 แสน = หายไป 8 แสนนะ

    กลับมาดู รถยุโรป กับ รถยุ่น พอใช้ไป เวลาเท่ากัน 8 ปี 10 ปี
    Camry ออกห้าง 1.8 ล้าน มาอยู่เต้นท์ เหลือ 650K
    บางที่ เหลือ 450K
    Benze BMw ล่ะ
    ออกห้าง 3 ล้าน ใช้ไป เข้าปีที่ 7 BSI หมด ราคา ร่วงเหลือ ล้านต้นๆ

    ถ้าจะมืองที่ PERCENTAGE มันลดน้อยกว่ามากนะ

    แต่ ถ้ามอง เม็ดเงิน Ev จีน กับ Tesla คุ้มกว่ามากนะ
    ^^ ฝากไว้ให้คิด

    จริงๆ แล้ว ถ้าคิดแบบ CK คทอ ต้องซื้อรถ มือสอง อายุ 7 ปีขึ้นไป มาใช้ ราคา ซื้อกับ ราคาขายไม่ไม่ต่างดันมาก ถึงจะคุ้ม แต่ถ้าเทียบรถใหม่ ต่อ รถใหม่ ยังไง bEV ก็ คุ้มกว่า ต่อให้ หมดอายุแล้ว ต้องถอดไปทำ แบตบ้านก็ยังคุ้มกว่ามากเลยนะ

  6. @Suneo2024 says:

    นั่งแกรป บ่อยมาก เจอ แต่ ev เขาผ่อน ~10,000 เขาหาได้ 3-4 หมื่น เขาก็มาหารายได้เสริม จากรายได้หลักด้วยนะ ..คนละมุมมอง อะเนอะ

  7. @phanuwatbenkasem says:

    รถไฟฟ้ามันมาอยู่แล้วครับ รอให้ทุกอย่างมันนิ่งก่อน ยังไงคนก็ซื้อเยอะกว่านี้แน่นอน ผมคนนึงอ่ะที่รอ รอให้เขาแก้ปัญหาให้จบก่อนค่อยซื้อเพราะผมมองว่าเขาต้องเจอปัญหาขึ้นเรื่อยๆแน่ ปัญหาระยะสั้นเขาอาจจะแก้หมดแล้ว แต่ปัญหาระยะยาวนี่สิ มันกำลังจะมาแน่นอน ✌️

  8. @suchat2530 says:

    อีกหน่อยทุกคนจะไม่ขับรถ เพราะ ai จะขับให้ ปลอดภัยกว่า และรถส่วนใหญ่จะเป็นระบบเช่า ราคาถูกมากๆ

  9. @olden_boy says:

    คนจะซื้อเพราะต้องใช้จริงๆก็ซื้อไปเถอะ มันเป็นสินค้าเทคโนโลยีเก่าไปใหม่มา แล้วอีกหลายปีกว่าจะนิ่งเพราะหัวใจคือแบตมันมีวัสดุหลายอย่างเอามาทำแทนได้แต่สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่เทคโนโลยีเป็นแบรนด์จีนที้งหลายที่เล่นสงครามราคากันพากันพังทั้งตลาด ซื้อวันนี้อีก 4-5ปีจะยังมีแบรนด์นี้อยู่รึเปล่า ภาระตกที่ผู้บริโภคต้องหาทางรอดเอาเอง

ปิดความเห็นแล้ว